จากแนวความคิดของชีคมุฮัมมัด บิน รอชิด อาล มักตูม รองประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กระทรวงกลาโหม และผู้ปกครองรัฐดูไบ ว่าในอนาคต น้ำมันดิบ ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญที่ทำรายได้ให้กับประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้อย่างมหาศาลจะต้องหมดไป ซึ่งนักธรณีวิทยาทำนายว่าอยู่ในช่วงในปี 2016 จึงมีจำเป็นจะต้องหาสิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนการหารายได้ในอนาคตที่ยั่งยืนต่อยอดไปให้ได้ และด้วยความที่มีทัศนวิสัยมองการณ์ไกลของ ชีคมุฮัมมัด บิน รอชิด อาล มักตูม จึงก่อให้เกิดสถาปัตยกรรมเพื่อรองรับการท่องเที่ยวต่างๆขึ้นมามากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นที่ถูกกล่าวถึงว่าน่าทึ่งที่หนึ่งของโลก นั่นก็คือสุดยอดสถาปัตยกรรมแห่งนครรัฐดูไบ วันนี้ vauro จะพาไปอ่านกันครับ
เพลิดเพลินกับสัตว์น้ำกับห้องอาหารแบบ Aquarium
สําหรับห้องอาหารของที่โรงแรมอาหรับนี้มีหลากหลายประเภท ทั้งห้องอาหารญี่ปุ่น Junsuy ห้อง fried dining ที่ผสมผสานวัฒนธรรมอันหลากหลายของอาหารอาหรับสามารถดื่มด่ำกับอาหารจากเชฟสุดยอดฝีมือระดับมิชลินสตาร์ แต่ไฮไลท์อยู่ที่วิวตู้ปลาขนาดยักษ์ที่ดูแล้ว คล้ายกับนั่งรับประทานข้างๆอควาเรียม เพลิดเพลินไปกับการแหวกว่ายของสัตว์น้ำนานาชนิดใกล้ชิดในแบบที่รับรองได้เลยนะครับว่ามันต้องเป็นมื้อที่ดีมากๆมื้อหนึ่งเลยทีเดียว
ห้องสวีตคู่กว่า 200 ห้อง พร้อมกับวิว 360 องศา
ห้องในโรงแรม Burj Al Arab มีลักษณะเป็นห้องคู่สองร้อยสองห้อง โดยห้องที่เล็กที่สุดนั้นมีขนาดหนึ่งร้อยหกสิบเก้าตารางเมตร หรือประมาณหนึ่งพันแปดร้อยสิบเก้าตารางฟุตและห้องใหญ่สุดนั้นมีขนาดเจ็ดร้อยแปดสิบตารางเมตรหรือประมาณแปดพันสามร้อยเก้าสิบหกตารางฟุต ถ้าหากมีโอกาสได้ไปพักที่โรงแรม Burj Al Arab ต้องย้ำว่า อย่าลืมไปใช้บริการสระว่ายน้ำและสปาชั้นสิบแปดที่สูงจากพื้นน้ำทะเลมากถึงหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสระว่ายน้ำระดับท็อปจริงๆ นอกจากดีไซน์การตกแต่งจะสวยงามในสไตล์อาหรับแล้ว ก็ยังได้ชมวิวแบบสามร้อยหกสิบองศาของอ่าวเปอร์เซียได้อีกด้วย
ระบบไฟฟ้ารองรับความสะดวกสบาย ปลอดภัยทุกห้อง
เนื่องจากที่โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักมากกว่าสองร้อยห้องและชีคมุฮัมมัด บิน รอชิด อาล มักตูมนั้นต้องการนําเสนอความเพียบพร้อมในด้านอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะระบบอํานวยความสะดวกแบบหรูหราให้แก่แขกที่พัก ซึ่งการใช้ไฟฟ้าในแต่ละห้องนั้นต้องใช้ถึงประมาณสิบสี่กิโลวัตต์ โดยคิดเป็นแปดเท่าของไฟที่ใช้ตามบ้านของชาวยุโรป จึงต้องใช้ไฟพอๆกับเมืองที่มีประชากรมากกว่าหกพันคนทั่วทั้งโรงแรมต้องใช้มาตรไฟฟ้า หลอดไฟรวมห้าหมื่นสองพันดวงส่วนใหญ่เป็นไฟหรี่และต้องใช้สายไฟมากกว่าห้าพันกิโลเมตร ซึ่งมีจํานวนการใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างอันตรายเป็นอย่างมาก ดังนั้นทางวิศวกรไฟฟ้าผู้ควบคุมงานจึงคิดค้นออกแบบระบบฮาร์โมนิกส์ขึ้นเพื่อความปลอดภัยของการใช้ไฟฟ้าทั้งโรงแรม
เงิน 7 หลัก คือราคาห้องพักที่สูงที่สุด
Burj Al Arab ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่แพงที่สุดในโลก โดยราคาค่าที่พักเริ่มต้นที่หนึ่งพันถึงหนึ่งหมื่นห้าพันเหรียญต่อคืนห้องที่แพงที่สุดนั้นจะอยู่ที่ราคาสองหมื่นแปดพันเหรียญต่อคืนหรือถ้าตีเป็นค่าเงินบาทไทยราคาห้องพักที่แพงที่สุดนั้นจะตกอยู่ที่ประมาณเจ็ดหลักและแถมราคานี้ยังไม่รวมภาษีด้วยนะ และนอกจากนี้ทางโรงแรมก็ยังมีสิ่งอํานวยความสะดวกมาบริการเพิ่มเติม ให้ได้สัมผัสถึงความเป็นที่สุดของกิจกรรมต่างๆเช่นขับรถหรูๆชมเมืองไม่ว่าจะเป็น Aston Martin Ferrari Lamborghini และอื่นๆ หรือจะเป็นบริการเช่าเรือยอร์ชชื่นชมความสวยงามของทะเลดูไบออกไปดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแบบไพรเวทส่วนตัวจะเห็นได้ว่าโรงแรม Burj Al Arab สถาปัตยกรรมสุดน่าทึ่งนี้ สามารถเข้ามาการันตีการสร้างรายได้ทดแทนทรัพยากรน้ำมันดิบที่ในอนาคตกําลังจะหายไปไหนไม่ช้าได้เป็นอย่างดี และนี่ก็คือผลงานสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งที่สรรค์สร้างจากวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของผู้นําและสร้างสรรค์โดยฝีมือมนุษย์หลากหลายแขนงระดับโลก
สนับสนุนการจัดทำโดย ufa007